การบล็อคบิททอร์เร้นท์ ด้วย Linksys WRT54GL + Tomato 1.20
ถ้าพูดกันตามความจริงแล้ว การใช้งาน BitTorrent ไม่ได้เป็นเรื่องที่เสียหาย คอขาดบาดตาย ที่ผู้ดูแลระบบจะต้องปิดแบบ 100% ตลอดเวลา เพราะในทางกลับกันการใช้งาน BitTorrent ถือว่าเป็นวิธีการแชร์ไฟล์ที่มีประสิทธิภาพสูง เพียงแต่ว่าถ้าเราสามารถควบคุมให้ BitTorrent ทำงานแบบไม่รบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น ผมคิดว่าก็น่าจะเป็นวิธีการที่ดีในการแชร์ใช้งานอินเทอร์เน็ตร่วมกัน ทั้งหอพัก สำนักงาน โรงเรียน ฯลฯ
ดังนั้นบทความต่อไปนี้จะเป็นวิธีการจำกัดการใช้งาน BitTorrent ด้วยอุปกรณ์ Linksys WRT54GL + Tomato 1.20 ให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ ซึ่งทำให้การใช้งาน BitTorrent สามารถใช้งานควบคู่ไปกับผู้ใช้ท่านอื่นอย่างมีความสุข และกำหนดการใช้งานอีเมล์ (SMTP, POP3) ให้มีความสำคัญที่สูงที่สุด โดยที่ผู้ดูแลระบบไม่ต้องไปจำกัดสิทธิ์ในการใช้งาน BitTorrent
ดังนั้นบทความต่อไปนี้จะเป็นวิธีการจำกัดการใช้งาน BitTorrent ด้วยอุปกรณ์ Linksys WRT54GL + Tomato 1.20 ให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ ซึ่งทำให้การใช้งาน BitTorrent สามารถใช้งานควบคู่ไปกับผู้ใช้ท่านอื่นอย่างมีความสุข และกำหนดการใช้งานอีเมล์ (SMTP, POP3) ให้มีความสำคัญที่สูงที่สุด โดยที่ผู้ดูแลระบบไม่ต้องไปจำกัดสิทธิ์ในการใช้งาน BitTorrent
ขั้นตอนที่ 1
เรื่มต้นด้วยการนำเอา Linksys WRT54GL Wireless-G Broadband Router อุปกรณ์สารพัดประโยชน์ มาทำการอัพเกรดเฟิร์มแวร์ Tomato 1.20 โดยวิธีการอัพเกรดเฟิร์มแวร์ สามารถค้นหาได้จากบทความ (วิธีการอัพเกรดเฟิร์มแวร์ Linksys WRT54GL ด้วย Tomato 1.20)
เมื่อ Upgrade firmware เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อ Upgrade firmware เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
- จากนั้นไปที่เมนู QoS > Basic Settings จากนั้นเช็คที่ ‘Enable QoS‘
- กำหนด ‘Max Bandwidth’ ที่ใช้เราใช้ในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ตัวอย่าง เป็นการกำหนดความเร็ว 2 Mbps (2048 Kbps) คุณสามารถกำหนดโดยการนำเอา 1024 x จำนวน Mbps เช่น 3 Mbps = 3 x 1024 = 3,072 Kbps
- กำหนด ‘Highest’ คือ ความเร็วที่คุณต้องการให้ใช้งานได้สูงสุด ลำดับที่ 1
- กำหนด ‘High’, ‘Medium’, ‘Low’ คือ ความเร็วที่คุณต้องการให้ใช้งานลำดับที่ 2, 3, 4
- กำหนด ‘Lowest’ คือ ความเร็วที่คุณต้องการให้ใช้งานกับ ‘BitTorrent’ ลำดับที่ 5 (กำหนดตามต้องการ)
- สำหรับ ‘Class A-D’ นั้นกำหนดไว้ที่ 1% เพราะเรายังไม่จำเป็นที่จะต้องทำ Class ที่ละเอียดมากขนาดนั้น
- จากนั้นกดบันทึก ‘Save Settings’
ขั้นตอนที่ 2
ไปที่เมนู QoS > Classification จากนั้น กดไปที่ ‘WWW’
ขั้นตอนที่ 3
พิมพ์ที่ช่อง ‘Description’ = ‘WWW, SMTP, POP3’ จากนั้น กำหนดพอร์ท ‘80, 443, 25, 110’ จากนั้นกดปุ่ม ‘OK’
ขั้นตอนที่ 4
กดไปที่‘Bulk Traffic’ ข้อนี้เราไม่ต้องทำอะไร เพียงแต่ผมจะชี้ให้เห็นว่า ถ้ามีผู้ใช้งานที่ใช้ Bittorrent เกิดขึ้นในระบบเครือข่าย Tomato 1.20 จะใช้กฎข้อนี้ในการจำกัดความเร็วของการดาวน์โหดผ่าน Bittorrent โดยจะกำหนดให้เป็น Class Lowest ‘Bulk Traffic’ ซึ่งจะได้ความเร็วในการใช้งานที่เรากำหนดไว้ตามขั้นตอนที่ 1 (แบบ Lowest)
ในกรณีที่ผู้ใช้งานเปลี่ยน Port ที่ใช้ในการดาวน์โหลด Bittorrent ไปที่ Port 80 นั้น Tomato 1.20 จะตรวจสอบว่าขนาดของไฟล์ที่จะดาวน์โหลดมีขนาดใหญ่กว่า 512 KB หรือไม่ ถ้าพบว่ามีขนาดใหญ่กว่า 512 KB นั้น Tomato 1.20 จะกำหนดผู้ใช้คนนั้นให้อยู่ใน Class Low ‘WWW (512 KB+)’ ซึ่งจะได้ความเร็วในการใช้งานที่เรากำหนดไว้ตามขั้นตอนที่ 1 (แบบ Low)
ขั้นตอนที่ 5
การกำหนดพารามิเตอร์ในการบล็อค BitTorrent เป็นอันเสร็จเรียบร้อย คุณสามารถทดสอบการทำงานได้ทันที โดยการทดสอบของเราได้ทดสอบกับ BitComet โดยการตั้งพอร์ทที่ใช้ในการทดสอบทั้งพอร์ทปกติของ BitComet และพอร์ท 8080 ผลการทดสอบ สามารถจำกัดการทำงานของ BitTorrent ได้ตามที่กำหนด เท่านี้คุณก็ไม่ต้องปวดหัวกับปัญหา BitTorrent อีกต่อไปครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น